สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในปักกิ่ง Beijing จีน เที่ยวปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายล้านคนต่อปี เพราะเสน่ห์ของศิลปะและวัฒนธรรมกระจายอยู่ทุกที่ทั่วเมือง การออกแบบและก่อสร้างสถาปัตยกรรมต่างๆ ขอบอกว่าอลังการและสวยงามมากๆ อย่ารอช้า มาดูกันเลยค่ะว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอะไรบ้าง
เที่ยวกำแพงเมืองจีน (Great Wall Of China)
จะมีใครบ้างที่ไม่เคยได้ยินชื่อของกำแพงเมืองจีน กำแพงขนาดใหญ่ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศจีน มีความยาวกว่า 21,196.18 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมดถึง 9 มณฑล ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และจัดเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วยค่า
ผู้ก่อสร้างกำแพงเมืองจีนคนแรกก็คือ จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของประวัติศาสตร์จีน สร้างขึ้นเพื่อเป็นแนวบอกชายแดนและป้องกันการบุกรุกของศัตรู โดยมีต้นแบบมาจากมังกรค่ะ ซึ่งในประเทศจีนมังกรเป็นสัตว์ที่แสดงถึงพลังการปกป้องคุ้มครอง ถ้ามองดูดีๆ จะเห็นว่ากำแพงเมืองจีนมีลักษณะรูปร่างคล้ายกับมังกรที่ขดตัวอยู่เหนือภูเขา เหมือนกับกำลังปกป้องอาณาเขตของตัวเองอยู่นั่นเอง
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามภูมิประเทศที่กำแพงพาดผ่าน ซึ่งมีทั้งหิน ดิน ไม้ บางจุดก็ใช้หินอ่อน หินแกรนิต โคลน หรือดินเผา โดยใช้แรงงานนับล้านคน ส่วนใหญ่เป็นนักโทษสงครามและทาส มีแรงงานจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่เสียชีวิตลงระหว่างการก่อสร้าง และศพเหล่านั้นก็ถูกฝังทับถมอยู่ภายใต้กำแพง จนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่ยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่า ทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนคือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพงค่ะ และนับจากสมัยจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ กำแพงเมืองจีนก็ถูกสร้างต่อกันมาอีกหลายยุคหลายสมัย รวมระยะเวลาทั้งสิ้นเกือบสองพันปีเลยทีเดียว
กำแพงเมืองจีนมีหลายด่านมาก แต่ละด่านก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป จุดที่นักท่องเที่ยวจะมามากที่สุดก็คือ ด่านปาต้าหลิง (Badaling) ค่ะ เพราะเป็นด่านที่ทันสมัยที่สุด เดินทางง่าย มีรถสาธารณะคอยรับ-ส่งด้วย ทั้งกระเช้า รถราง ร้านอาหาร ไปจนถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย เป็นจุดที่มีความสูงชัน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ได้รอบด้านอีกด้วยค่า
เที่ยวหอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven)
หอสักการะฟ้าเทียนถาน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของปักกิ่งค่ะ โดยคำว่าเทียน (Tian) หมายถึงฟ้า ส่วนคำว่าถาน (Tan) หมายถึงแท่นบูชา ใช้เป็นที่ประกอบพิธีเซ่นไหว้หรือบูชาฟ้าดินเพื่อขอให้ฝนตกตามฤดูกาลและให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ถูกสร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ซึ่งใช้เวลาสร้างนานกว่า 14 ปีเลยทีเดียว และได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1998 อีกด้วยค่า
หอบูชาเทียนถานมีพื้นที่กว้างขวางมาก ประมาณ 1,700 ไร่ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ผู้คนนิยมมาออกกำลังกายและทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน ไม่ว่าจะเป็น รำมวยจีน เต้นรำ ตะกร้อ แบดมินตัน หรือนั่งจิบน้ำชา เล่นหมากรุกกันอย่างสบายอารมณ์ รอบๆ เต็มไปด้วยต้นสนกว่า 4,000 ต้น แต่ละต้นมีอายุมากกว่าร้อยปี บางต้นก็มีอายุถึง 500 ปีเลยทีเดียว สมัยก่อนถือเป็นไม้ต้องห้ามสำหรับชาวบ้านทั่วไป เพราะถือว่าเป็นไม้ชั้นสูง มีไว้ประดับบารมีเฉพาะระดับจักรพรรดิ์เท่านั้นค่ะ
โดยได้แบ่งตำหนักและแท่นบูชาเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน หรือตำหนักสักการะ เป็นตำหนักที่ยิ่งใหญ่โดดเด่นและสำคัญที่สุด ก่อสร้างโดยใช้เสาไม้จำนวน 24 ต้น สูง 40 เมตร และไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว สร้างซ้อนกันขึ้นไป 3 ชั้น ล้อมด้วยลูกกรงหินอ่อน เปรียบเสมือนเดินขึ้นไปบนสวรรค์นั่นเองค่า
ต่อมาคือตำหนักหวงฉุงหยีว์ หรือตำหนักเทพสถิต เป็นที่สําหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายชื่อของเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ ภายในมีแผ่นหินก้อนสี่เหลี่ยม 3 แผ่น เรียกว่า หิน 3 เสียง เมื่อเรายืนอยู่บนแผ่นหินแล้วปรบมือ ก็จะมีเสียงสะท้อนกลับมาด้วยนะคะ นอกจากนี้กำแพงยังสามารถนำเสียงได้เป็นอย่างดี เมื่อมีคนพูดใส่กำแพงเบาๆ และอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามเอาหูแนบกำแพง ก็จะได้ยินเสียงพูดจากอีกฝ่ายได้แบบชัดแจ๋วเลยค่า
สุดท้ายคือหยวนซิวถาน หรือแท่นบวงสรวงฟ้า ใช้เป็นที่บวงสรวงเทพฟ้าดิน ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร เวลาประกอบพิธี ฮ่องเต้จะคุกเข่าลงตรงใจกลางของแท่นที่มีหินกลมก้อนใหญ่แล้วขอพรจากสวรรค์ เมื่อพูดด้วยเสียงดังฟังชัดจะได้ยินเสียงสะท้อน ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้สวรรค์และเหล่าเทพเทวดา ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษของการก่อสร้างและการออกแบบเฉพาะในสมัยโบราณนั่นเองค่ะ
ที่หอสักการะฟ้าเทียนถานนี้นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจีนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยนะคะ ใครที่มาเยือนปักกิ่งห้ามพลาดเด็ดขาดเลย
เที่ยวพระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace)
พระราชวังฤดูร้อน หรืออี้เหอหยวน ตั้งอยู่ในเขตเขตไห่เตี้ยน ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่งค่ะ ก่อสร้างขึ้นปีค.ศ. 1750 และเปิดให้สาธารณะเข้าชมได้ในปี ค.ศ. 1924 ต่อมาก็ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี ค.ศ. 1998 อีกด้วยค่า
แต่เดิมเป็นพระราชวังของพระเจ้ากุบไลข่าน และมีการต่อเติมในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง แต่ก็ถูกทำลายหลายครั้งจากสงคราม ต่อมาพระนางซูสีไทเฮาได้บูรณะขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นที่พักของพระนางและสมเด็จพระจักรพรรดิกวางสูผู้ปกครองเมือง แต่อำนาจที่แท้จริงนั้นอยู่ที่พระนางซูสีไทเฮาค่ะ
สมเด็จพระจักรพรรดิกวางสูถูกกักอยู่ในตำหนักเล็กๆ แคบๆ ว่ากันว่าบ้านพักของลิเลียนยิง ขันทีมือขวาของพระนางซูสีไทเฮา ยังหรูหรากว่าซะอีกค่ะ มีแค่มเหสีสองคนเท่านั้นที่คอยดูแลสมเด็จพระจักรพรรดิกวางสูจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเพราะยาพิษของพระนางซูสีไทเฮา
ที่นี่ถูกบำรุงรักษาไว้ได้อย่างดีงามสุดๆ มีพื้นที่ประมาณ 2.9 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นเอง และนำดินมาถมเป็นภูเขาสูง 60 เมตร ชื่อว่า ว่านโซวซ่าน หรือภูเขาหมื่นปี บนภูเขามีสิ่งก่อสร้างมากมาย เช่น เจดีย์สูงแปดเหลี่ยม, โรงงิ้ว, สวนดอกไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอุทยานหลวงที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดของจีน และยังมีตำหนักน้อยใหญ่อีกเพียบ โดยตำหนักของพระนางซูสีไทเฮามีชื่อว่า Hall of Lotus Fragrance แปลว่าหงส์ที่อยู่เหนือมังกร ซึ่งหมายถึงอำนาจของพระนางที่อยู่เหนือสมเด็จพระจักรพรรดินั่นเองค่ะ
จุดที่ผู้คนมักจะมาถ่ายรูปกันก็คือบนยอดเขา ที่เมื่อมองลงมาจะเห็นทะเลสาบ เป็นภาพที่สวยงามมากกก สามารถเดินเล่นที่ระเบียงริมทะเลสาบได้ โดยมีความยาวเกือบ 800 เมตร จากหมู่พระตำหนักตะวันออกไปยังเรือหินอ่อนที่พระนางซูสีไทเฮาได้สร้างขึ้น โดยใช้เงินสำหรับการดูแลปรับปรุงกองทัพมาใช้เพื่อเป็นเพียงที่นั่งจิบน้ำชาชมทิวทัศน์ของพระนางเท่านั้น
เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่เรื่องราวและประวัติของพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ก็ไม่ธรรมดาซะแล้ว นอกจากจะเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการอีกด้วย นับเป็นอีกสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนมากๆ เลยค่ะ